
ในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ครัวของโลก’ อย่างประเทศไทย กลับพบว่ามีวิกฤตเงียบสองด้านที่กัดกินรากฐานของสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้านหนึ่งคือ หนี้สินเรื้อรัง ที่กดทับพี่น้องเกษตรกรกลุ่มเปราะบางมานานนับสิบปี และอีกด้านหนึ่งคือ วิกฤตสุขภาวะ ที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล นำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่รุนแรง แม้จะมีอาหารมากมายแต่คนไทยถึง 2 ใน 4 ยังขาดความมั่นคงทางอาหารในมิติของการเข้าถึงอาหารที่พอเพียงและมีคุณภาพ
มูลนิธิชีวิตไท (มชท.) โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ขับเคลื่อน "โครงการขับเคลื่อนระบบอาหารตลอดห่วงโซ่อย่างยั่งยืนและส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ" ภายใต้แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงตลอดห่วงโซ่อาหารผ่านกลไก 3 ส่วนหลัก:
1. ต้นน้ำ: การปรับเปลี่ยนเพื่อปลดหนี้สิน หัวใจสำคัญคือการทำงานกับเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้พวกเขาสามารถผลิตอาหารปลอดภัยด้วย ระบบเกษตรเชิงนิเวศ (Agroecology) ซึ่งเป็นแนวทางในการลดการพึ่งพาสารเคมีที่มีต้นทุนสูง โดยมีเป้าหมายคือการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร และคาดหวังให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมี สัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10
2. กลางน้ำ: ตลาดที่เป็นธรรมและเชื่อมั่นได้ โครงการเน้นการพัฒนา "ตลาดเขียว" และสร้างความเชื่อมั่นผ่าน มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) ซึ่งเป็นระบบการรับรองที่เน้นการตรวจสอบร่วมกันระหว่างกลุ่มเกษตรกรเอง ตัวอย่างความสำเร็จ เช่น "ร้านตลาดเขียวในโรงพยาบาลเดิมบาง" สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูงถึง 1,000–2,000 บาทต่อวัน
3. ปลายน้ำ: เปลี่ยนพฤติกรรม สู้ภัย NCDs มชท. ส่งเสริมความรอบรู้ด้านอาหาร (Food Literacy) เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกอาหารเพื่อสุขภาวะ โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความรอบรู้และมีพฤติกรรมการบริโภคที่สมดุล เพิ่มขึ้นร้อยละ 20
เปิดฉากใหม่ที่ ‘นครปฐม’: ศูนย์กลางแห่งความยั่งยืน
ผลสำรวจปี 2566 ชี้ว่า ประชากรในจังหวัดนครปฐมเผชิญกับ ความไม่มั่นคงทางอาหาร ระดับเบาบาง สูงถึงร้อยละ 24.0 และที่สำคัญคือ ประชากรในนครปฐมกว่า ร้อยละ 73.3 มีความ รอบรู้ด้านอาหาร (Food Literacy) ในระดับที่ควรปรับปรุงและไม่ดี ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเลือกบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ในปี 2568 มชท. จึงได้ปักหมุดขยายผลการทำงานสู่จังหวัดนครปฐม ในฐานะพื้นที่ยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเป็นแหล่งผลิตอาหาร และการมีภาคีที่ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และตลาดสำคัญอย่าง "ตลาดสุขใจ สวนสามพราน"
โดยพื้นที่ต้นแบบที่ถูกเลือกในนครปฐมคือ ชุมชนทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน และ ชุมชนไผ่หูช้าง อ.บางเลน เน้นการทำงานกับกลุ่มเกษตรกรที่เดิมเน้นการทำนา ให้เกิดการพัฒนาต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มุ่งเน้นการผลักดันกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของจังหวัดโดยเฉพาะ:
การทำงานกับพื้นที่จังหวัดนครปฐมได้เริ่มต้นแล้วอย่างเป็นทางการ โดยทีมงานมูลนิธิชีวิตไท นำโดย อารีวรรณ คูสันเทียะ ผู้อำนวยการ และ พาฝัน ไพรเกษตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริม จัดให้มีการประชุมชี้แจงโครงการ เมื่อวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างความเข้าใจและระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานสำคัญในพื้นที่
ผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม, สภาเกษตรกรจังหวัดนครปฐม, ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครปฐม, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม, ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวราชบุรี, โครงการ Safety Food จ.นครปฐม และผู้นำกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนกลุ่มนาแปลงใหญ่ข้าวไผ่หูช้าง วิสาหกิจชุมชนปลักไม้ลาย และวิสาหกิจชุมชนทุ่งขวาง
ในการประชุมดังกล่าว มชท. ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของหน่วยงานในพื้นที่ในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การให้ความรู้ด้านการผลิตที่ปลอดภัย โดยเกษตรจังหวัดและศูนย์วิจัยฯ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านสุขภาวะและการเฝ้าระวังโรค NCDs โดยสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน.
ความมุ่งมั่นของ มชท. และ สสส. ในการขยายผลสู่จังหวัดนครปฐมครั้งนี้ คือการลงทุนในรากฐานสุขภาวะของชาติ ดังที่ผู้อำนวยการ มชท. ได้กล่าวไว้ว่า โดยความยั่งยืนที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้เมื่อชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และโครงการนี้จะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้เติมเต็มและเสริมความรู้ โดยการนำร่องในนครปฐมจะนำไปสู่การพัฒนากลไกที่ยั่งยืน เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึง "อาหารเพื่อสุขภาวะ" ได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในทุกจานอาหาร
ผู้เขียน : น้ำผึ้ง หัสถีธรรม มูลนิธิชีวิตไท
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02 040 9969 | 090 178 7508
E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.