กรมที่ดินออก"โฉนดอัจฉริยะ"3 มิติ เพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษี-โซนนิ่งพื้นที่ทำเกษตร

Created
วันพุธ, 13 มีนาคม 2556
Created by
ประชาชาติธุรกิจ
Categories
ข่าว
 

Landtitle3D

นายสามารถ ดวงวิจิตรกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า

จากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ จัดทำ "ระบบภูมิสารสนเทศและแผนที่กลางของประเทศไทย" ภายหลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 สำหรับใช้เป็นฐานข้อมูลกลางเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดิน ขณะเดียวกันประชาชนก็จะได้รับประโยชน์ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดและชัดเจนมากขึ้น


ล่าสุดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯได้มอบหมายให้ GISTDA เป็นผู้ศึกษา เพื่อนำเสนอแผนงานผ่านกระทรวงไปถึงนายกฯ โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โครงการแรกจะร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยจัดเก็บฐานข้อมูลแปลงที่ดินเพื่อจัดทำ "โฉนดที่ดินอัจฉริยะ" จากปัจจุบันโฉนดที่ดินจะแสดงเฉพาะรูปแปลงที่ดิน ให้รู้ขอบเขตและหลักหมุดที่ดิน แต่ไม่สามารถตรวจสอบสภาพพื้นที่ สภาพการใช้ที่ดิน ณ ปัจจุบันที่อาจเปลี่ยนแปลงไป ในอนาคตโฉนดที่ดินอัจฉริยะจะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มรายละเอียดข้อมูล อาทิ ข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศจากเครื่องบิน ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ฯลฯ เพื่อนำเสนอภาพแปลงที่ดินแบบ 2 และ 3 มิติมีรายละเอียดมากขึ้น

นอกจากนี้ จะบรรจุข้อมูลต่าง ๆ ฝังไว้ใน "ไมโครชิป" เพื่อเรียกดูข้อมูลได้ อาทิ สภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินปัจจุบัน, สภาพแวดล้อมที่ดินโดยรอบ, ข้อมูลราคาประเมินที่ดิน, เป็นพื้นที่เคยถูกน้ำท่วมมาก่อนหรือไม่, ระดับความสูง-ต่ำของที่ดิน ฯลฯ รวมถึงมีการบรรจุ "คิวอาร์โค้ด" ไว้ภายในโฉนด สำหรับใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนสแกน เพื่อเรียกดูข้อมูลต่าง ๆ จากฐานข้อมูลกลางได้เช่นกัน โดยอาจจะต้องกำหนดให้ต้องใส่รหัสเพื่อป้องกันการลักลอบดูข้อมูล

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงโฉนดที่ดินแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เป็นโฉนดที่ดินแบบอัจฉริยะ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทย์ จะให้เป็นความสมัครใจของประชาชนเอง การยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงโฉนดต้องให้กรมที่ดินรับยื่นคำขอ จะมีค่าใช้จ่ายบ้างแต่ไม่ถึงกับเป็นภาระของประชาชน

นายสามารถกล่าวว่า สำหรับฐานข้อมูลที่ควรจะต้องจัดเก็บ ผลศึกษาเบื้องต้น จะมีทั้งหมด 3 หมวด 13 รายการ แยกเป็นหมวดข้อมูลพื้นฐาน 4 ข้อ ได้แก่ 1) ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม 2) ภาพถ่ายทางอากาศ 3) ข้อมูลหมุดหลักฐานทางแผนที่ 4) ข้อมูลแบบจำลองความสูงทางภูมิประเทศ

หมวดข้อมูลด้านสังคม 1 ข้อ ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับแปลงที่ดิน และหมวดข้อมูลภูมิสารสนเทศพื้นฐานของประเทศ 8 ข้อ ได้แก่ 1) ข้อมูลเขตการปกครอง 2) ข้อมูลเส้นทางคมนาคม 3) ข้อมูลแม่น้ำ-แหล่งน้ำ 4) ข้อมูลเขตชุมชน ตัวเมือง 5) ข้อมูลการใช้ที่ดิน 6) ข้อมูลป่าไม้ 7) ข้อมูลแผนที่ภูมิประเทศ และ 8) ข้อมูลอุทกศาสตร์ทางทะเล

ข้อมูลทั้งหมดสามารถนำภาครัฐสามารถนำมาใช้ต่อยอดเพื่อจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือภาคประชาชน หากเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่ประสบภัยพิบัติธรรมชาติ ก็สามารถเรียกดูข้อมูลเป็นหลักฐานประกอบการรับเงินช่วยเหลือจากรัฐได้

นอกจากนี้ยังนำไปต่อยอดเรื่องอื่น ๆ ได้ ซึ่งรัฐบาลมีแนวคิดที่จะนำข้อมูลมาต่อยอดการจัดทำโครงการโซนนิ่งที่ดินในอนาคต คือ การจัดโซนนิ่ง "พื้นที่เกษตรกรรม" ทั่วประเทศ เพื่อเป็นแนวทางนำที่ดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ทั้งนี้ ไทยมีที่ดินรวม 321 ล้านไร่ 56% หรือ 180 ล้านไร่ ถูกจัดเป็นพื้นที่โซนนิ่งเกษตรกรรม เพื่อรณรงค์ให้ปลูกพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสม

 

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 11 มี.ค. 56