ตรวจสัญญาเช่าป่า ปลูกปาล์มภาคใต้

Created
วันอังคาร, 10 กรกฎาคม 2555
Created by
กรุงเทพธุรกิจ
Categories
ข่าว
 

 

ตรวจสัญญาเช่าป่า ปลูกปาล์มภาคใต้

ปัญหาที่ดินดูจะเป็นเรื่องที่เขียนถึงกันได้ไม่มีวันจบจริงๆ เพราะคงอีกนานที่ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขในเมืองไทย ความขัดแย้งกรณีที่ดินจึงเกิดขึ้น และมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา จนเกือบจะเป็นเรื่องความเคยชินของคนทั่วไป

ล่าสุดเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติกว่า 400 นาย ถูกชาวบ้านเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช ล้อมไม่ให้ลง จากการเข้ารื้อถอนต้นยางพารา และต้นปาล์มน้ำมันกว่า 250 ไร่ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ต.พิปูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช

ชาวบ้านที่รวมตัวกันต่างชูป้ายข้อความ เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ พร้อมทั้งตั้งเงื่อนไขเจรจาขอปลูกพืช และทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อ  แม้กรมอุทยานฯ จะยืนยันว่าได้ผ่อนปรนมานานมาก หลังพื้นที่ดังกล่าวได้มีการตรวจยึดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 และศาลมีคำสั่งในคดีสิ้นสุดแล้วสั่งให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่แล้ว  แต่มีการผ่อนผันมายาวนาน

ความขัดแย้งในเรื่องการจัดการที่ดินในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะในพื้นที่ปลูกปาล์มและยางพารา เริ่มมีความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นไม่ใช่เพียงแค่ที่นครศรีธรรมราช หากยังรวมพื้นที่กระบี่และสุราษฎร์ธานี  ซึ่งมีชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อเข้าไปยึดครองพื้นที่ซึ่งหมดอายุสัมปทานหรือหมดสัญญาเช่าจากรัฐ เพื่อเรียกร้องให้กระจายที่ดินดังกล่าวให้กับเกษตรกรรายย่อยได้ถือครองที่ดินได้บ้าง

จากข้อมูลสัญญาเช่าป่าในพื้นที่ภาคใต้พบว่าพื้นที่ปลูกน้ำมันปาล์มของทุนรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้กำลังจะสิ้นสุดลงอย่างน้อย 1.4 แสนไร่ นั่นหมายความว่า หากรัฐซึ่งหมายถึงกรมป่าไม้ ไม่มีแนวทางในการจัดการที่ดินที่หมดสัญญาเช่าอย่างเป็นธรรม ย่อมนำมาซึ่งปัญหาความขัดแย้งและกลายเป็นปัญหาลุกลามได้

เพราะย้อนหลังไปหลายสิบปี ปัญหาพื้นที่พิพาทที่ดินในจังหวัดสุราษฎร์ธานี  กระบี่  ชุมพร  นครศรีธรรมราช พบว่าในอดีต รัฐบาลมีนโยบายให้ใช้พื้นที่ในเขตป่าไม้ในลักษณะให้เช่าที่ดินในราคาถูก มีพ่อค้าและทุนจากต่างชาติโดยความร่วมมือของนักการเมือง และข้าราชการในพื้นที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินในระยะยาวในพื้นที่รวมกันเป็นแสนไร่  เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันและเป็นฐานการผลิตน้ำมันปาล์มของประเทศ

ทุนน้ำมันปาล์มเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่โดยการเช่าระยะยาวและในราคาถูกจำนวนมากกลับใช้ฉวยโอกาสทำประโยชน์มากกว่าที่ได้รับอนุญาต และบางรายไม่ได้รับอนุญาต แต่กลับบุกรุกที่ดิน บางรายพยายามออกเอกสารสิทธิจากที่ดินดังกล่าวโดยไม่ชอบทั้ง น.ส. 3  หรือโฉนดที่ดิน เพื่อความมั่นคงของที่ดินในระยะยาว

ความขัดแย้งเริ่มปะทุขึ้น เมื่อสัญญาเช่าหมดลงในหลายพื้นที่และในปี 2546  ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงที่เป็นเกษตรกรประสบปัญหาขาดแคลนที่ดินทำกินประกอบกับรัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐบาลมีนโยบายกระจายการถือครองที่ดินให้กับประชาชน ชาวบ้านที่ประสบปัญหาจึงรวมตัวเรียกร้องต่อรัฐบาลให้กระจายการถือครองที่ดิน และขอให้มีการตรวจสอบสัญญาเช่าหลักฐานต่างๆ  ซึ่งรัฐบาลขณะนั้นได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบพื้นที่

การตรวจสอบพื้นที่พบว่าพื้นที่ที่หมดอายุการเช่าแล้ว แต่ไม่ได้มีการต่อสัญญาและทุนยังทำประโยชน์อยู่ บางพื้นที่ทุนบุกรุกที่ดินรัฐมานานหลายสิบปี  โดยรัฐไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่

ปัจจุบันชาวบ้านที่เรียกร้องให้มีการตรวจสอบสัญญาเช่าพื้นที่ป่าไม้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 10 คดี ขณะนายทุนจำนวนมากที่ปรากฏว่าหมดสัญญาเช่าไปแล้วกว่า 1.4 แสนไร่ และรัฐมีนโยบายชัดเจนว่าไม่ต่อสัญญาเช่า ยังคงเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างไร้มลทิน ตรงข้ามกับชาวบ้านถูกไล่รื้อเพิกถอนโดยไม่เปิดโอกาสเจรจา

สิรินาฏ ศิริสุนทร

กรุงเทพธุรกิจ  9-07-55