ปัญหาราคาพืชผล

Created
วันอังคาร, 19 สิงหาคม 2557
Created by
สยามรัฐ
Categories
บทความ
 

L9

ชาวสวนลำไยกำลังเดือดร้อน ราคาลำไยตกต่ำความจริงก็เป็นที่รับรู้กันว่า เกือบทุกปีชาวสวนผลไม้จะประสบปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำในฤดูที่ผลผลิตออกมามาก หน้าลำไย ลำไยก็ถูกกดราคา หน้าเงาะ เงาะก็ถูกกดราคา ส่วนพืชไร่ก็มีปัญหาทำนองเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่ ข้าว

         ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ เกษตรกรเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือนั้น เกิดขึ้นเป็นประจำมาครึ่งศตวรรษแล้ว บางปีกลุ่มเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชบางชนิดก็ต้องชุมนุมเรียกร้อง ล้อมศาลากลางบ้าง ปิดถนนบ้าง รัฐบาลทุกรัฐบาลก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปคล้าย ๆ กัน คือหาเงินมาใช้จ่ายช่วยเหลือเกษตรกรบรรเทาความเดือดร้อนได้ส่วนหนึ่ง เปรียบเทียบให้เห็นชัดก็คือ เกษตรกรป่วยไข้ไปหาหมอคือ รัฐ หมอก็จ่ายยาแก้ไข้แก้ปวดให้หนึ่งชุด แต่เกษตรกรป่วยด้วยโรคอะไร ต้องรักษาอย่างไร หมอกลับไม่รู้

         ถ้าประเทศไทยยังมีรัฐบาลอย่างที่เคยเป็นมาห้าสิบปี คนไทยก็จะต้องรับหน้าที่จ่ายเงินช่วยเหลือเรื่องราคาพืชผลตกต่ำไปตลอดปีหนึ่ง ๆ ประเทศต้องหาเงินมาจ่ายช่วยเหลือเรื่องราคาพืชผลตกต่ำกันกี่มากเพียงใด  รัฐ ไทยแก้ปัญหาราคาพืชผลเกษตรกรรมตกต่ำ มากี่ล้านล้านบาทแล้ว มีอะไรดีขึ้นบ้าง 

         การแก้ปัญหาลำไยล้นตลาด รัฐพยายามทำมาหลายสิบปี ทำมาหลายวิธี เรื่องที่กำลังพูดกัน เช่น การจัดหาเครื่องอบลำไยให้ชาวบ้าน รัฐก็เคยทำมาแล้ว แต่มันไม่ได้แก้ที่รากเห้าปัญหาฝ่ายนักเศรษฐศาสตร์มักจะมองว่า เหตุผลต้นตอที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็คือมีผลผลิตออกมามากเกินความต้องการของตลาดเฉพาะหน้า  ทั้งข้าว  ยางพารา  ปาล์มน้ำมัน  พืชไร่  พืชผัก  และไม้ผล  ไม้ยืนต้น  สำหรับไม้ผลยังแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ  ทั้ง  เงาะ มังคุด  ทุเรียน ลองกอง และลำไย เป็นต้น  ผลไม้เหล่านี้มักจะมีช่วงการเก็บเกี่ยวพร้อม ๆ  กัน  ส่งผลให้ราคาตกต่ำเป็นประจำ 

        นักวิชาการได้เสนอหลายวิธีในการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ  โดยมุ่งเน้นการตลาดหรือด้านความต้องการของผู้บริโภค  (อุปสงค์)  และการวางแผนด้านการผลิต  (อุปทาน)     การวางแผนด้านการผลิตนั้น รัฐคิดจะกำหนดพื้นที่เพาะปลูก เรียกกันอย่างเคยชินว่า โซนนิ่ง แต่มันทำสำเร็จยาก เพราะบ้านเมืองนี้เป็นแดนเสรี บังคับกันไม่ได้ การจำกัดพื้นที่เพาะปลูกไม่อาจจะบังคับ ห้ามปรามกันได้   หากจะทำก็ต้องมีมาตรการจูงใจ  ทดแทนการบังคับ เช่น  รัฐบาลจะต้องมีวิธีการยกระดับราคาพืชผลให้ได้ตามที่ประกาศไว้  โดยมีผลเฉพาะพื้นที่ส่งเสริมเท่านั้น   นอกพื้นที่ดังกล่าวทางราชการจะไม่รับผิดชอบเรื่องราคา               

        แต่ก็อาจจะมีพืชผลชนิดดังกล่าวจากพื้นที่ต่าง ๆ  ไหลเข้ามาสู่เขตส่งเสริมมากมาย  ดังนั้นนอกจากจะกำหนดพื้นที่ปลูกแล้ว  ยังต้องกำหนดเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกอีกด้วยโดยรัฐบาลจะต้องอาศัยองค์กรเกษตรกร  หรือสถาบันเกษตรกรในพื้นที่นั้น ๆ  รับผิดชอบ แต่ปัญหาหนักก็คือยังมีองค์กรเกษตรและ สถาบันเกษตรกรที่เข้มแข็งน้อย เกษตรกรรายย่อยขาดพลัง ไม่ค่อยมีการรวมตัวกัน               

        ปัญหารากเหง้าเรื่องราคาพืชผลการเกษตรนั้นเกิดจากด้านลบของเศรษฐกิจทุนนิยม ระบบ ทุนนิยม นับตั้งแต่ ยุคสะสมทุน มาจนถึง ยุคโลกาภิวัตน์ ล้วนแล้วแต่ขูดรีดภาคเกษตรกรรม ดูดกินน้ำเลี้ยงจากภาคเกษตรกรรม แต่มิได้ยกระดับฐานะเศรษฐกิจของเกษตรกรเท่าที่ควร นี่คือจุดบอดอันร้ายแรงของระบบทุนนิยมโลก

        เศรษฐกิจทุนนิยมไทยเป็นส่วนหนึ่งในระบบโลก การแก้ปัญหาสินค้าเกษตรกรรมราคาต่ำจึงยากมาก เพราะตลาดสินค้าเกษตรกรรมถูกกำหนด ถูกครอบงำโดยอภิทุนข้ามชาติ จะหวังให้องค์กรเกษตรและสถาบันเกษตรกรภาคประชาชนในไทยแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรกรรม คงไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีการปฏิรูป ทุนนิยมโลก โดยหันมาให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมอย่างจริงจังมากขึ้น จัดสรรแบ่งปันรายได้ให้ถึงมือผู้ผลิตคือเกษตรกรอย่างเป็นธรรมมากขึ้น  ข้อเสนอนี้แม้จะยากเย็นแสนเข็ญ แต่เราก็ขอบันทึกไว้เป็นประวัตศาสตร์

ที่มา : สยามรัฐ วันที่ 14 ส.ค. 2557