มูลนิธิชีวิตไท เดินหน้าขยายพื้นที่สู่ ‘นครปฐม’ มุ่งเป้าปลดหนี้และฟื้นสุขภาพคนไทย

Created
วันอาทิตย์, 14 ธันวาคม 2568
Created by
น้ำผึ้ง หัสถีธรรม
Categories
บทความ
 

NakornpatomProjectAnouncement

ในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ครัวของโลก’ อย่างประเทศไทย กลับพบว่ามีวิกฤตเงียบสองด้านที่กัดกินรากฐานของสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้านหนึ่งคือ หนี้สินเรื้อรัง ที่กดทับพี่น้องเกษตรกรกลุ่มเปราะบางมานานนับสิบปี และอีกด้านหนึ่งคือ วิกฤตสุขภาวะ ที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่สมดุล นำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่รุนแรง แม้จะมีอาหารมากมายแต่คนไทยถึง 2 ใน 4 ยังขาดความมั่นคงทางอาหารในมิติของการเข้าถึงอาหารที่พอเพียงและมีคุณภาพ

มูลนิธิชีวิตไท (มชท.) โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้ขับเคลื่อน "โครงการขับเคลื่อนระบบอาหารตลอดห่วงโซ่อย่างยั่งยืนและส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ" ภายใต้แผนอาหารเพื่อสุขภาวะ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงตลอดห่วงโซ่อาหารผ่านกลไก 3 ส่วนหลัก:

1. ต้นน้ำ: การปรับเปลี่ยนเพื่อปลดหนี้สิน หัวใจสำคัญคือการทำงานกับเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้พวกเขาสามารถผลิตอาหารปลอดภัยด้วย ระบบเกษตรเชิงนิเวศ (Agroecology) ซึ่งเป็นแนวทางในการลดการพึ่งพาสารเคมีที่มีต้นทุนสูง โดยมีเป้าหมายคือการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร และคาดหวังให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมี สัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10

2. กลางน้ำ: ตลาดที่เป็นธรรมและเชื่อมั่นได้ โครงการเน้นการพัฒนา "ตลาดเขียว" และสร้างความเชื่อมั่นผ่าน มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) ซึ่งเป็นระบบการรับรองที่เน้นการตรวจสอบร่วมกันระหว่างกลุ่มเกษตรกรเอง ตัวอย่างความสำเร็จ เช่น "ร้านตลาดเขียวในโรงพยาบาลเดิมบาง" สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรสูงถึง 1,000–2,000 บาทต่อวัน

3. ปลายน้ำ: เปลี่ยนพฤติกรรม สู้ภัย NCDs มชท. ส่งเสริมความรอบรู้ด้านอาหาร (Food Literacy) เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเลือกอาหารเพื่อสุขภาวะ โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความรอบรู้และมีพฤติกรรมการบริโภคที่สมดุล เพิ่มขึ้นร้อยละ 20

เปิดฉากใหม่ที่ ‘นครปฐม’: ศูนย์กลางแห่งความยั่งยืน

ผลสำรวจปี 2566 ชี้ว่า ประชากรในจังหวัดนครปฐมเผชิญกับ ความไม่มั่นคงทางอาหาร ระดับเบาบาง สูงถึงร้อยละ 24.0 และที่สำคัญคือ ประชากรในนครปฐมกว่า ร้อยละ 73.3 มีความ รอบรู้ด้านอาหาร (Food Literacy) ในระดับที่ควรปรับปรุงและไม่ดี ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเลือกบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

ในปี 2568 มชท. จึงได้ปักหมุดขยายผลการทำงานสู่จังหวัดนครปฐม ในฐานะพื้นที่ยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเป็นแหล่งผลิตอาหาร และการมีภาคีที่ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และตลาดสำคัญอย่าง "ตลาดสุขใจ สวนสามพราน"

โดยพื้นที่ต้นแบบที่ถูกเลือกในนครปฐมคือ ชุมชนทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน และ ชุมชนไผ่หูช้าง อ.บางเลน เน้นการทำงานกับกลุ่มเกษตรกรที่เดิมเน้นการทำนา ให้เกิดการพัฒนาต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มุ่งเน้นการผลักดันกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของจังหวัดโดยเฉพาะ:

  • เศรษฐกิจหมุนเวียนและข้าวคาร์บอนต่ำ: สนับสนุนการผลิตในรูปแบบ BCG Model (เศรษฐกิจหมุนเวียนด้านอาหาร) โดยเฉพาะการผลิตข้าวที่เน้นการลดการทำลายสิ่งแวดล้อมและลดการเผาวัสดุทางการเกษตร ซึ่งเป็นแนวทางที่กลุ่มเกษตรกรในทุ่งขวางได้ริเริ่มดำเนินการแล้ว.
  • โปรตีนทางเลือกเพื่อสุขภาวะ: นอกเหนือจากข้าวแล้ว นครปฐมยังมีโอกาสในการพัฒนาโปรตีนทางเลือกใหม่ๆ เช่น "ผำ" (Water Lentil) ซึ่งเป็นพืชน้ำที่มีโปรตีนสูงและกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยมีการผลิตผำในพื้นที่ของจังหวัดเป็นจำนวนมากในลักษณะที่เป็นอุตสาหกรรม.
  • ตลาดสีเขียวเพื่อผู้บริโภค: มชท. มุ่งผลักดันให้เกิด "ตลาดเขียวในสถาบันการศึกษา" เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงผลผลิตปลอดภัยจากเกษตรกรสู่ผู้บริโภคจำนวนมาก และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในเมืองเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยได้ง่ายขึ้น.

การทำงานกับพื้นที่จังหวัดนครปฐมได้เริ่มต้นแล้วอย่างเป็นทางการ โดยทีมงานมูลนิธิชีวิตไท นำโดย อารีวรรณ คูสันเทียะ ผู้อำนวยการ และ พาฝัน ไพรเกษตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริม จัดให้มีการประชุมชี้แจงโครงการ เมื่อวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างความเข้าใจและระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานสำคัญในพื้นที่ 

ผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม, สภาเกษตรกรจังหวัดนครปฐม, ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครปฐม, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม, ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวราชบุรี, โครงการ Safety Food จ.นครปฐม และผู้นำกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนกลุ่มนาแปลงใหญ่ข้าวไผ่หูช้าง วิสาหกิจชุมชนปลักไม้ลาย และวิสาหกิจชุมชนทุ่งขวาง

ในการประชุมดังกล่าว มชท. ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของหน่วยงานในพื้นที่ในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การให้ความรู้ด้านการผลิตที่ปลอดภัย โดยเกษตรจังหวัดและศูนย์วิจัยฯ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านสุขภาวะและการเฝ้าระวังโรค NCDs โดยสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน.

ความมุ่งมั่นของ มชท. และ สสส. ในการขยายผลสู่จังหวัดนครปฐมครั้งนี้ คือการลงทุนในรากฐานสุขภาวะของชาติ  ดังที่ผู้อำนวยการ มชท. ได้กล่าวไว้ว่า โดยความยั่งยืนที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้เมื่อชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และโครงการนี้จะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้เติมเต็มและเสริมความรู้ โดยการนำร่องในนครปฐมจะนำไปสู่การพัฒนากลไกที่ยั่งยืน เพื่อให้คนไทยทุกคนเข้าถึง "อาหารเพื่อสุขภาวะ" ได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในทุกจานอาหาร

ผู้เขียน : น้ำผึ้ง หัสถีธรรม มูลนิธิชีวิตไท