เปิดสำนวนคำฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้
เพิกถอนคำสั่งการใช้แบบจำลองค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อม(คดีโลกร้อน)
โดย เครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย(คปท.) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2555
ใบแถลงข่าว
เครือข่ายชาวบ้านเกษตรกรเหนือ อีสาน ใต้ ยื่นฟ้องกรมอุทยาน กรมป่าไม้
ขอให้ศาลปกครองเพิกถอนแบบจำลองการคิดค่าเสียหายโลกร้อน
เผยแพร่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ท่ามกลางกระแสการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินไปอย่างเข้มข้น แต่ขาดความเข้าใจในบริบทชุมชนและวิถีการเกษตร ทำให้ชุมชนดั้งเดิมที่มีวิถีเกษตรและมีพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าจากการประกาศเขตป่าอนุรักษ์ต่างๆ ทับที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินถูกขับไล่ ทำลายทรัพย์สิน ตลอดจนไล่รื้อให้ออกจากที่ดินมาโดยตลอด
โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ได้ประกาศใช้แบบจำลองสำหรับการประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่าไม้ หรือที่รู้จักในชื่อ “แบบจำลองค่าเสียหายโลกร้อน” ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติจากชาวบ้านเกษตรกร โดยอ้างกฎหมายมาตรา ๙๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ ประกอบด้วยค่าน้ำสูญหาย ดินและแร่ธาตุในดินสูญหาย อากาศร้อนขึ้น ฝนตกน้อยลง และค่าเนื้อไม้ รวมเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อไร่ต่อปี ทำให้ประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรและดำรงวิถีชีวิตอยู่ในป่าเพื่อการดำรงชีพของตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนเสียหายเป็นอย่างมาก ตลอดจนกระทบสาระสำคัญต่อสิทธิชุมชนในการดูแลรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืนที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้
ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้แบบจำลองฯจากชุมชนบ้านแม่อมกิ จังหวัดตาก เครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าภูผาแดงจังหวัดเพชรบูรณ์ องค์กรชุมชนบ้านพรสวรรค์ จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัดเครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ลุ่มน้ำเซิน จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับสภาทนายความ และกลุ่มนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านวนศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ ได้พิจารณาเห็นถึงความไม่เป็นธรรม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และความไม่ถูกต้องทางวิชาการอย่างร้ายแรงของแบบจำลองค่าเสียหายโลกร้อนหลายประการสำคัญ ได้แก่
1. เป็นแบบจำลองที่สร้างขึ้นโดยขาดองค์ความรู้และการศึกษาข้อมูลที่ครอบคลุมเพียงพอ ใช้วิธีคิดคำนวณที่ไม่เหมาะสมและผิดไปจากสามัญสำนึกของคนทั่วไป เช่น การคิดค่าอากาศร้อนขึ้นจากค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการเปิดแอร์ในพื้นที่ป่าขนาด 1 ไร่ การคิดค่าดินและนำสูญหายโดยการคิดคำนวณค่าเช่ารถขนดินขนน้ำขึ้นไปโปรยทดแทน
2. เป็นการนำงานวิชาการที่ไม่ผ่านการประเมินเพื่อตรวจสอบความถูกต้องทางวิชาการ ไม่เป็นที่ยอมรับในวงวิชาการทั้งในประเทศและนานาชาติ เอามาบังคับใช้ในการเรียกค่าเสียหายอันเป็นการกระทบสิทธิของประชาชน
3. มีการเลือกปฏิบัติบังคับใช้แบบจำลองอย่างไม่เป็นธรรม และละเมิดสิทธิชุมชนของชาวบ้านเกษตรกร ทั้งที่วิถีของชาวบ้านเป็นการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนควบคู่กับการดูแลรักษาป่าและทรัพยากรธรรมชาติ
ชาวบ้านจึงตัดสินใจยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งให้ใช้บังคับแบบจำลองค่าเสียหายโลกร้อน และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองดำเนินการปรับปรุงแก้ไขแบบจำลองดังกล่าวให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และจัดให้มีการการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนนำแบบจำลองใหม่มาบังคับใช้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญของผู้ฟ้องคดีให้สามารถอยู่อาศัยและทำกินบนผืนแผ่นดินบรรพบุรุษได้อย่างยั่งยืนและมีศักดิ์ศรี และสามารถเข้าถึงสิทธิในการมีส่วนร่วมใช้ประโยชน์และบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นธรรมต่อไป