ศาลจังหวัดนางรองพิพากษาชาวบ้านรุกป่าดงใหญ่ จำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ด้านกรมคุ้มครองสิทธิฯ หอบเงิน 6 แสนปรกันตัว
ผู้สื่อข่าวรางงานว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.55 ศาลจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้มีการอ่านคำพิพากษาคดีบุกรุกแผ้วถางที่ป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ ตัดสินจำคุกนายลุน สร้อยสด ชาวบ้านเก้าบาตร ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ และพวกรวม 3 คน เป็นเวลา 8 เดือน ลดโทษ 1 ใน 4 เหลือ 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เงินประกันตัวคงเดิมคือคนละ 200,000 บาท
ต่อมา ผอ.กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ กรมคุ้มครองสิทธิฯ และอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้ร่วมกันพิจารณาคำร้องของจำเลยทั้งสาม โดยได้อนุมัติตามคำร้องและมอบหมายเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่ศาลนางรอง พร้อมเงินสด 600,000 บาท เพื่อประกันตัวชาวบ้านทั้ง 3 คนแล้ว
ทั้งนี้ กรณีพิพาทระหว่างชาวบ้านเก้าบาตรและกรมป่าไม้ เกิดจากชาวบ้านในพื้นที่เดิมได้เข้าไปบุกเบิกพื้นที่ตามที่รัฐมีนโยบายเปิดป่าดงใหญ่บางส่วนให้ชาวบ้านบริเวณนั้นเข้าไปทำกิน โดยเป้าหมายเพื่อเป็นกันชน ต่อต้านการก่อการร้ายตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อราว 40 ปีก่อน แต่หลังเหตุการณ์สู้รบเบาบางลง รัฐมีนโยบายอพยพชาวบ้าน จัดตั้งเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่ดินให้ครอบครัวละ 16 ไร่ โดยให้สิทธิเป็น สทก. สิทธิทำกิน คือทำกินได้แต่ห้ามจำหน่ายจ่ายโอน ส่วนที่ดินเดิมถูกกันไม่ให้เข้าไปทำกิน
จากนั้นในปี 2528 รัฐเปิดให้เอกชน กลุ่มบุคคลเข้ามาเช่าพื้นที่เสื่อมโทรมในเขตป่าสงวนดงใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านเคยบุกเบิกทำกินไว้เดิมก่อนมีการจัดสรร ผู้ที่ได้สิทธิเช่าส่วนใหญ่เป็นนายทุน สัญญาเช่าเกือบ 30 ปี เสียค่าเช่าแค่ปีละ 10-20 บาทต่อไร่ แต่ชาวบ้านก็ไม่สามารถเช่าได้ ด้วยข้ออ้างเงื่อนไข “ไม่มีรถไถใหญ่ ก็ไม่สมควรทำประโยชน์” ทั้งที่สิทธิของพวกเขา คือ “เจ้าของที่ดิน ไม่ใช่คนขอเช่าด้วยซ้ำ” ขณะที่ชาวบ้านเองก็พยายามร่วมกันลงชื่อคัดค้านการต่อสัญญาเช่าของบริษัทเอกชน
ต่อมาชาวบ้านที่รวมตัวกันได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย และ ปี 2552 ได้เข้าไปปักหลักตั้งถิ่นฐานในแปลงที่หมดสัญญาเช่าของบริษัทเอกชน พื้นที่ 1,900 ไร่ เพื่อทำกินและร่วมกันจัดสรรที่ดินในรูปแบบ “โฉนดชุมชน”
รายงานโดย: สำนักข่าวลุ่มน้ำเซิน (นักข่าวพลเมือง ประชาไท วันที่ 5 ส.ค. 55)