• หน้าแรก
  • มูลนิธิชีวิตไท - การขายทอดตลาด

การบังคับคดี กระบวนการยุติธรรมที่ทำให้เกษตรกรต้องขายที่ดินในราคาถูก

FarmersExcution

เป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ที่กลุ่มชาวนาและเกษตรกรปักหลักชุมนุมเรียกร้องการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาลอยู่ริมถนนในกรุงเทพฯ ข้อเรียกร้องประการแรกของกลุ่มชาวนาคือขอให้มีการชะลอการบังคับคดีและยึดทรัพย์ขายทอดตลาด สะท้อนให้เห็นว่าการถูกบังคับคดีและการขายทอดตลาดกำลังเป็นปัญหาสำคัญของชาวนาและเกษตรกรไทย

ตัวเลขจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ระบุว่ากลุ่มชาวนาและเกษตรกรที่กองทุนฯ ตั้งเป้าว่าจะให้การช่วยเหลือในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 3,425 รายนั้น เป็นเกษตรกรที่กำลังถูกบังคับคดีถึง 1,966 ราย มูลหนี้รวมประมาณ 715 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ 57.40 ของมูลหนี้ทั้งหมดที่กองทุนฯ ตั้งเป้าซื้อในปีงบประมาณนี้ นี่เป็นเพียงตัวเลขของเกษตรกรที่อยู่ในสารบบที่จะได้รับความช่วยเหลือในปีนี้ มีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่กำลังเผชิญหน้ากับการถูกบังคับคดี แต่ยังไม่ได้อยู่ในโควตาการได้รับความช่วยเหลือในปีนี้ หรือแย่กว่านั้นคือไม่ได้อยู่ในสารบบของกองทุนฯ เลย

นอกจากกลุ่มเกษตรกรที่ถูกฟ้องบังคับคดีแล้ว ยังมีเกษตรกรลูกหนี้อีกกลุ่มหนึ่งที่ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว และอยู่ในข่ายที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ซึ่งอีกไม่นานก็จะถูกเจ้าหนี้ร้องต่อศาลขอให้มีการบังคับคดี โดยเฉพาะช่วง 1-2 ปีมานี้ ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด – 19 จำนวนเกษตรกรที่หนี้อยู่ในสถานะของการถูกบังคับคดีมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และส่วนใหญ่ไม่อยู่ในสารบบของกองทุนฟื้นฟูฯ นี่คือเหตุผลว่าเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้กองทุนฟื้นฟูฯ 2 พันล้านบาทแล้ว เกษตรกรกลุ่มนี้ยังไม่กลับบ้าน  เพราะข้อเรียกร้องพวกเขาคือการขอให้ชะลอการบังคับคดีไว้ก่อนยังไม่ได้รับการตอบสนอง

การบังคับคดีเป็นกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง ที่มุ่งให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหนี้ ที่ไม่ได้รับการชำระหนี้จากลูกหนี้ตามคำพิพากษา แต่ในขณะที่มุ่งสร้างความเป็นธรรมให้เจ้าหนี้กลับกลายเป็นการบีบบังคับให้เกษตรกรต้องขายที่ดินในราคาถูก เนื่องจากในการขายทอดตลาด ซึ่งเป็นรูปแบบการขายทรัพย์ที่ถูกบังคับคดี โดยทั่วไปราคาขายจะต่ำกว่าราคาท้องตลาด โดยเฉพาะการขายทรัพย์ในครั้งหลังราคาจะต่ำมาก 

ทั้งนี้การขายทอดตลาดในกระบวนการบังคับคดีส่วนใหญ่กำหนดการขายที่ 6 ครั้ง ราคาเริ่มต้นของการขายครั้งแรกกำหนดโดยคณะกรรมการกำหนดราคาของกรมบังคับคดีเอง ซึ่งมักอยู่ที่ประมาณ 70-80% ของราคาท้องตลาด   หากครั้งแรกขายไม่ได้  การขายทอดตลาดในครั้งที่ 2 ราคาเริ่มต้นจะลดลงไปอีก 10%  หากมีการขายครั้งที่ 3 และ 4 ราคาก็จะลดลงจากราคาเริ่มต้นครั้งแรกครั้งละ  10%  ราคาที่ดินที่ถูกบังคับคดีจึงต่ำกว่าราคาที่ควรขายได้จริงอย่างมาก หลายครั้งที่พบว่าผู้ที่เข้าร่วมเสนอราคามีเพียงเจ้าหนี้ หรือนักลงทุนที่เข้าใจกระบวนการขายทอดตลาด ที่มักรอซื้อในการขายทอดตลาดครั้งหลังๆ เพื่อให้ได้ราคาต่ำสุด หากราคาขายไม่เพียงพอแก่การชำระหนี้เจ้าหนี้สามารถร้องขอต่อศาลให้ยึดทรัพย์อื่นของเกษตรกรลูกหนี้มาเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาดอีกจนกว่าจะได้รับการชำระหนี้ตามที่ศาลสั่ง

การถูกบังคับคดีไม่เพียงเป็นการบีบให้เกษตรกรต้องขายที่ดินในราคาถูกที่เป็นปัญหาเชิงปัจเจก  การบังคับคดีหนี้เกษตรกรยังส่งผลต่อภาพการเกษตรของประเทศในภาพรวม เพราะทำให้เกิดการสูญเสียที่ดินทำกินของเกษตรกรเพิ่มขึ้น มีข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รายงานลักษณะการถือครองที่ดินทางการเกษตรในปี 2562 ว่ามีที่ดินเพื่อการเกษตรทั้งประเทศรวม 149,252,451 ไร่ เป็นที่ดินของตนเอง 41,713,855 ไร่  (ลดลงจากปี 2556  ที่มีอยู่ 71.64 ล้านไร่) เป็นที่ดินเช่าผู้อื่น 29,226,840 ไร่ และทำฟรีโดยไม่เสียค่าเช่า (บนที่ดินของผู้อื่นรวมทั้งที่ดินของรัฐ) 47,618,619 ไร่ ในขณะที่มีที่ดินเพื่อการเกษตรอยู่ระหว่างจำนอง/ขายฝาก  30,630,138 ไร่ ขณะเดียวกันข้อมูลจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ระบุว่าจากจำนวนสมาชิกทั้งหมดของกองทุนฯ ประมาณ 5.67 ล้านคน มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนหนี้ 5.16 แสนคน คิดเป็น  7.76% เป็นหนี้เร่งด่วน (NPL ขึ้นไป) 1.8 แสนคน  

ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ จะเห็นได้ว่าการบังคับคดีกลายเป็นกระบวนการเร่งให้ชาวนาและเกษตรกรรายย่อยสูญเสียที่ดินทำกินเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตและต้นทุนที่สำคัญในชีวิต และระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของสังคมด้วย ดังนั้นการตอบรับข้อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาวนาและเกษตรกรเรื่องการชะลอการบังคับคดีจึงไม่เพียงช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินเกษตรกร หากยังช่วยรักษาที่ดินภาคเกษตรไว้ในมือเกษตรกรรายย่อย

ที่มา : ไทยโพสต์ วันที่ 24 มี.ค. 2565

ผู้เขียน : เพ็ญนภา หงษ์ทอง

คู่มือเกษตรกร เมื่อถูกฟ้องคดีหนี้สิน

CoverFarmDebtLegalBook   

   คู่มือเกษตรกร เมื่อถูกฟ้องคดีหนี้สิน

     พิมพ์ครั้งแรก : มีนาคม 2565

     ผู้เขียน : เพ็ญนภา หงษ์ทอง

     บรรณาธิการ : อารีวรรณ คูสันเทียะ

     ที่ปรึกษา : พงษ์ทิพย์ สำราญจิตต์

     จัดพิมพ์ : มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)

     สนับสนุนการจัดพิมพ์ :

     สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

     

  ดาวน์โหลดหนังสือ

เมื่อตามี...ถูกยึดที่นาขายทอดตลาด

5804infographic
อาชีพชาวนา เป็นอาชีพที่มีรายได้ไม่แน่นอน ทั้งจากปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ปัญหาต้นทุนการผลิต ปัญหาภัยธรรมชาติ ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สิน ชาวนาจำนวนมากต้องนำที่ดินทำกินไปเป็นหลัก­ทรัพย์จำนองเงินกู้กับสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินของชาวนาและเกษตรกรทั่วป­ระเทศที่ติดจำนองกับสถาบันการเงินถึง 30 ล้านไร่ และนำมาซึ่งความสุ่มเสี่ยงในการถูกยึดและส­ูญเสียที่ดิน

ติดตามเราได้ที่ facebook youtube

ผู้เข้าชม

6792675
วันนี้
เมื่อวานนี้
สัปดาห์นี้
เดือนนี้
ทั้งหมด
4677
16904
38430
21581
6792675

Your IP: 3.137.161.222
2024-05-02 13:50